10. ซน ฮึง มิน (Son Hueng Min)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 284 นัด ยิง 113 ประตู จ่าย 56 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ถ้วยความสำเร็จ: -
เกียรติยศส่วนตัว: ประตูยอดเยี่ยม ปุสกัส อวอร์ด x1, นักฟุตบอลยอดเยี่ยมเอเชีย x8, ดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก x1, 

แม้ว่ากัปตันทีมชาติเกาหลีใต้รายนี้จะไม่เคยคว้าถ้วยรางวัลในระดับสโมสรได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งจะโทษเจ้าตัวก็คงไม่ได้เพราะว่า ครั้งสุดท้ายที่ขุนพล ‘ไก่เดือยทอง’ รู้จักกับคำว่าแชมป์ต้องย้อนกลับไปมากกว่า 1 ทศวรรษ

อย่างไรก็ตามฝีเท้าของ ซน ฮึง มิน ไม่จำเป็นต้องมีคำถามใด ๆ อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการที่เคยประสานงานกับ แฮร์รี่ เคน ได้แบบลงตัว หรือการลากยาวเกินครึ่งสนามไปซัลโว จนผู้คนในวงการลูกหนังโหวตให้เป็นประตูยอดเยี่ยมที่สุดในปีปฏิทิน และเราสามารถพูดได้เต็มปากว่า นี่คือนักฟุตบอลเอเชียที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ การันตีโดยการได้รับเกียรติเป็นกัปตันทีมของสโมสรระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน

9. ดาวิด ชิโนล่า (David Ginola)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 195 นัด ยิง 21 ประตู จ่าย 42 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: นิวคาสเซิล, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แอสตัน วิลล่า
ถ้วยความสำเร็จ: ลีก คัพ x1, อินเตอร์ โตโต้ คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นทีมชาติฝรั่งเศสยอดเยี่ยมประจำปี x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สเปอร์ส x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พรีเมียร์ลีก x1

สุดยอดนักเตะดีกรีทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งเคยประสบความสำเร็จกับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟนบอล เมื่อเก็บกระเป๋าย้ายก้นครัวมาหากินในถิ่นแดนผู้ดีเมื่อปี 1995 กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

และในยุคที่ฟุตบอลอังกฤษ ยังเล่นกันแบบโยนบอลไปวัดกันในกรอบเขตโทษเข้าว่า รวมไปถึงการสกัดกั้นก็เหมือนกะจะเอาให้ขาขาดกันไปข้าง แต่ไอ้หนุ่มผมยาวคนนี้ก็โชว์ลีลาลากเลื้อย ได้แบบสวยงามไม่เกรงใจใคร อีกทั้งยังเคยพาทีมอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และ แอสตัน วิลล่า มีตำแหน่งแชมป์ติดไม้ติดมืออีกด้วย

8. สตีฟ แม็คมานามาน(Steve McManaman)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 275 นัด ยิง 41 ประตู จ่าย 59 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, แอสซิสต์มากที่สุดประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1

หนึ่งในแข้งแกงค์ ‘สไปซ์ บอย’ อันโด่งดังของ ลิเวอร์พูล จากยุค 90 โดยจุดเด่นที่สุดของเขาคือลีลาในสนามอันพริ้วไหว แต่ไม่น่าเชื่อว่าในฤดูกาล 1994/95 ‘แม็คก้า’ กลับทำแอสซิสต์ได้มากที่สุดในฤดูกาลนั้นที่ 15 ประตู

เรื่องน่าเสียดายของสาวก ‘หงส์แดง’ คือช่วงเวลาประสบความสำเร็จที่สุดของลูกหม้อสโมสรรายนี้ดันไปเกิดขึ้นกับ เรอัล มาดริด ซึ่งนี่คือนักเตะสัญชาติอังกฤษคนแรกที่สามารถคว้าโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้นอกแผ่นดินสหราชอาณาจักร

7. โรแบร์ ปีแรส (Robert Pires)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 198 นัด ยิง 62 ประตู จ่าย 41 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: อาร์เซนอล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x2
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก x3, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล อาร์เซนอล x1

แข้งดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 1998 และ ยูโร 2000 ย้ายตามแกงค์ฝรั่งเศสมาอยู่กับทัพ ‘ปืนใหญ่’ ในยุค Y2K ซึ่งแน่นอนว่าความสำเร็จที่สุดของเจ้าตัวคือการพาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัยในรอบ 3 ปี อีกทั้งยังเป็นการได้ถ้วยแบบไร้พ่ายมาครอบครองอีกด้วย

เรื่องน่าเสียดายที่สุดของทั้งเจ้าตัว และสาวก ‘เดอะ กูนเนอร์’ คือรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในปี 2006 ซึ่งเขาคือผู้จำเป็นต้องเสียสละถูกเปลี่ยนตัวออก เมื่อ เยน เลห์มันน์ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ซึ่งนำมาสู่การน้อยใจ อาร์แซน เวนเกอร์ และนั่นก็กลายเป็น 18 นาทีสุดท้ายของเขากับ อาร์เซนอล

6. แกเร็ธ เบล (Gareth Bale)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 166 นัด ยิง 53 ประตู จ่าย 22 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
ถ้วยความสำเร็จ: ลีก คัพ x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พรีเมียร์ลีก x1, ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก x3, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล สเปอร์ส x1

อดีตแบ็คซ้าย เซาแธมป์ตัน ที่ลงสนามเมื่อไหร่ ทีมแพ้เมื่อนั้น กลายร่างเป็นยอดนักเตะหลังถูกดัดแปลงพันธุกรรมมายืนตำแหน่งปีกที่ ไวท์ ฮาร์ท เลน ซึ่งใช้ความเร็วได้แบบเหลือร้าย ชนิดที่เคยซัดแฮททริคใส่ยอดทีมในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก อย่าง อินเตอร์ มิลาน เมื่อเดือนตุลาคม 2010

แน่นอนว่า ‘ไก่เดือยทอง’ นั้นเล็กเกินกว่าจะรั้งเจ้าตัวไว้ แต่ก็ปล่อยไปให้กับ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลก ณ เวลานั้น ซึ่งที่นั่นเองขนาดว่าตีกอล์ฟเป็นหลัก เตะบอลเป็นงานอดิเรก เจ้าตัวยังมีบทสำคัญในการพา ‘ราชันชุดขาว’ เป็นแชมป์มานักต่อนัก ถ้าคุณไม่เชื่อลองไปถาม ลอริส คาริอุส ดูก็ได้

5. เดวิด เบคแฮม (David Beckham)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 265 นัด ยิง 62 ประตู จ่าย 80 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x6, เอฟเอ คัพ x2, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: แอสซิสต์มากที่สุดประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x3, รองชนะเลิศ บัลลงดอร์ x1, หอเกียรติยศทีมชาติอังกฤษ, หอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก

ถ้าหากว่าคุณไม่ได้เป็นที่หลงรักในฟุตบอล คุณอาจมองว่า เดวิด เบคแฮม เป็นเพียงแค่นักเตะ ‘รูปหล่อ พ่อรวย เมียสวย’ แต่ขอโทษที ฝีเท้าของเขานี่ระดับพระกาฬ และด้วยรูปแบบการเล่นอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันยังไม่มีใครเสมอเหมือน

คนทั้งโลกรู้จักเขาจากลูกยิงครึ่งสนามใส่ วิมเบิลดัน ในปี 1996 และความแม่นยำในการเปิดบอลประหนึ่งจับวาง บวกกับลูกยิงฟรีคิกที่ใส่สกอร์รอได้เลย ผสานกับความโด่งดังนอกสนามประหนึ่งดาราฮอลลีวู้ด ส่งผลให้ เดวิค เบคแฮม เป็นคนวงการลูกหนังผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกโดยแท้จริง

4. เอเด็น อาซาร์ (Eden Hazard)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 245 นัด ยิง 85 ประตู จ่าย 54แอสซิสต์
สโมสรเด่น: เชลซี
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x2, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก x2
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก x1, ทีมยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พรีเมียร์ลีก x4, 

ณ ยุคนึงว่ากันว่า ถ้าหากโลกใบนี้ไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วล่ะก็ เอเด็น อาซาร์ จะเป็นนักฟุตบอลที่เหนือกว่าใครในใต้ล้า ด้วยการเลี้ยงบอลติดเท้า และไปข้างหน้าได้รวดเร็ว อย่างกับเอามอเตอร์ไซต์ลงไปบิดในสนาม

น่าเสียดายเมื่อความฝันเป็นจริง ได้ไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด เขากลับไปชื่นชอบในรสชาติของ เบอร์เกอร์สเปน จนน้ำหนักขึ้นแบบไม่หยุดยั้ง จนต้องประกาศอำลาพื้นหญ้าเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่ลีลาของเขากับ เชลซี นั้นสะแด่วเกินกว่าใครจะลืมลง

3. โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ (Mohammed Salah)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 247 นัด ยิง 150 ประตู จ่าย 66 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: ลิเวอร์พูล
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x1, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x1, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, สโมสรโลก x1
เกียรติยศส่วนตัว: ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พรีเมียร์ลีก x2, ดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก x3, ประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล พรีเมียร์ลีก x1, ประตูยอดเยี่ยม ปุสกัส อวอร์ด x1

ไม่น่าเชื่อว่านักเตะที่เคยล้มเหลวกับ เชลซี ตอนเป็นดาวรุ่ง กับสามารถเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งผลงานส่วนตัว และกับสโมสรในถิ่น แอนฟิลด์ และเพียงแค่ฤดูกาลแรก ซาล่าห์ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมเกินคาดจนมีเสียงปรามาสว่า ‘เก่งปีเดียว’ 

แต่สุดท้ายนี่คือนักเตะที่ฟอร์มคงเส้นคงวาที่สุดของทีม ถึงขนาดที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมขอร้องให้บอร์ดบริหารทำลายกำแพงค่าเหนื่อยเพื่ออยู่กับสโมสรต่อไป และแค่การที่เขาสามารถพา ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ในรอบ 30 ปี นี่ก็เป็นที่หนึ่งในใจ ‘เดอะ ค็อป’ ทั่วโลกไปแล้ว

2. คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 236 นัด ยิง 103 ประตู จ่าย 37 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x3, เอฟเอ คัพ x1, ลีก คัพ x2, ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก x1
เกียรติยศส่วนตัว: บัลลงดอร์ x1, ผู้เล่นยอดเยี่ยม ฟีฟ่า x1, ดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก x1, ดาวซัลโว ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x1, ประตูยอดเยี่ยม ปุสกัส อวอร์ด x1

*ข้อมูลรางวัลนับเฉพาะตอนค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก

อันที่จริงหากนับช่วงเวลาตลอดอาชีพการค้าแข้ง เจ้าตัวควรจะอยู่อันดับหนึ่งในการจัดอันดับ เพราะว่า ลิโอเนล เมสซี่ ไม่เคยเล่นพรีเมียร์ลีก อะหยอกนิดหยอกหน่อย หวังว่าสาวก ‘CR7’ จะไม่ว่ากันนะครับ 

อดีตดาวรุ่งโปรตุเกสรายนี้ ย้ายมาอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด พร้อมกับความกดดันเนื่องจากรับเบอร์เสื้อต่อจากขวัญใจคนเก่าอย่าง เดวิด เบคแฮม ซึ่งในช่วงแรกต้องพบกับเสียงวิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากสับขาหลอกแบบไร้ประโยชน์ โดยไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจ แต่เมื่อระยะทางได้พิสูจน์ม้า กาฬเวลาก็ได้พิสูจน์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้วว่า เขาคือหนึ่งในนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอล โดยราง บัลลงดอร์ ทั้ง 5 สมัย นั้นเริ่มต้นใบแรกที่ศึกพรีเมียร์ลีก

1. ไรอัน กิ๊กส์ (Ryan Giggs)

สถิติในพรีเมียร์ลีก: ลงสนาม 632 นัด ยิง 109 ประตู จ่าย 162 แอสซิสต์
สโมสรเด่น: แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ถ้วยความสำเร็จ: พรีเมียร์ลีก x13, เอฟเอ คัพ x4, ลีก คัพ x4, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก x2, สโมสรโลก x2
เกียรติยศส่วนตัว: ทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก x6, ผู้เล่นทรงคุณค่า สโมสรโลก x1

ชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของสถิติแบบยากที่จะมีใครมาทำลายเมื่อเขา โดยลงเล่นกับทีมเดียว 24 ฤดูกาล มากที่สุดในบันทึกพรีเมียร์ลีก อีกทั้งยังทำประตูได้ 21 ซีซั่นติดต่อกัน และจำนวนแอสซิสต์ ที่ทิ้งห่างอันดับสองไกลถึง 51 ประตู

แน่นอนว่าถ้าจะมีคำถามว่า “แล้วใครกันคือนักฟุตบอลที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์?” คำตอบก็ยังเป็นของ ไรอัน กิ๊กส์ ซึ่งจะบอกว่านี่คือนักเตะคู่บุญที่แท้จริงของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็ได้ เพราะว่าเขาคว้าโทรฟี่ใบนี้ร่วมกันกับบรมกุนซือ ตั้งแต่สมัยแรก จนถึงครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2013

อันที่จริงชื่อของตำนาน ‘ปีศาจแดง’ ควรอยู่ในทำเนียบหอเกียรติยศพรีเมียร์ลีก ชนิดที่ต้องฝังเพชรเคลือบทองคำให้เลยด้วยซ้ำ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าด้วยเรื่องอื้อฉาวนอกสนาม ที่ไปโยกเอวกับแฟนน้องชายตัวเอง ทำให้เจ้าตัวไม่ได้รับการเชิดชูเท่าที่ควร แต่ถ้าว่าด้วยเรื่องของฝีเท้า และความสำเร็จ พวกเราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่านี่คือ ‘ตำนานพรีเมียร์ลีก’

เขียนโดย The Lite Team.